shutterstock_85401589s
shutterstock_305607704
shutterstock_150276857
  • หน้าแรก

  • เกี่ยวกับเรา

  • ข่าวและบทความ

  • กิจกรรม

  • ความก้าวหน้าและงานวิจัย

  • อบรม

  • สื่อการสอน

  • ส่งต่อผู้ป่วย

  • ติดต่อเรา

  • More

    แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคลมชักในขณะที่มีการตั้งครรภ์

     

    เมื่อฉันอยู่ในวัยเจริญพันธุ์

    แนวทางการรักษาโรคลมชัก เพื่อป้องกันความยุ่งยากซับซ้อนหากเกิดมีการตั้งครรภ์ คือ

    • แพทย์เลือกยากันชักที่เหมาะกับกลุ่มอาการชักของฉันเพื่อเป้าหมายควบคุมไม่ให้มีการชัก

    • ถ้าเป็นไปได้ แพทย์ควรเลือกให้ยากันชักเพียงชนิดเดียวและขนาดไม่สูงมากเพื่อควบคุมอาการชัก อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่ควบคุมอาการชักได้ยาก อาจจำเป็นต้องใช้ยากันชักมากกว่าหนึ่งชนิด

    • แพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานโฟลิค 4-5 มิลลิกรัมต่อวันร่วมด้วย

    เมื่อฉันยังไม่พร้อมในการมีบุตร แนวทางในการคุมกำเนิด คือ

    • ใช้ห่วยอนามัยคุมกำเนิดชนิดทองแดง (Copper-IUD) หรือ ห่วงอนามัยคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน (Levonorgestrel-IUS)

    • ใช้ยาฉีดคุมกำเนิด (Depot medroxyprogesterone acetate)

    • ไม่แนะนำการคุมกำเนิดด้วยยาเม็ดคุมกำเนินชนิดที่มีโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว (Progestogen-only pill) หรือยาฝังคุมกำเนิน (Implants) เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนต่ำ เมื่อเกิดปฎิกิริยาระหว่างยาคมกำเนินกับยากันชัก ระดับฮอร์โมนคุมกำเนินในกระแสเลือดจะไม่เพียงพอส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ

    เมื่อฉันพร้อมที่จะมีบุตร ฉันควรทำอย่างไร

    • วางแผนการมีบุตรและแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อแพทย์อาจพิจารณาลดขนาดของยากันชัก พร้อมกันนี้ แพทย์จะได้ให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่การตั่งครรภ์

    • แพทย์ให้โฟลิค 4-5 มิลิกรัม รับประทานทุกวัน

     

    ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในผู้ป่าวยโรคลมชัก

    • 90% ของผู้ป่วยโรคลมชักที่ตั้งครรภ์และรับประทานยากันชัก สามารถให้กำเนิดบุตรที่สุขภาพแข็งแรง เหมือนกับผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นโรคลมชัก

    • บุตรของสตรีที่เป็นโรคลมชักมีโอกาสเป็นโรคลมชักเมือโตขึ้นเพียง 3% ในขณะที่คนทั่วไปมีโอกาสเป็นโรคลมชักประมาณ 1% แต่หากบิดาเป็นโรคลมชักจะไม่เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคลมชักในบุตรเมือเทียบกับคนทั่วไป

    • ในขณะตั้งครรภ์มีผู้ป่วยเพียง 17-37% ที่มีอาการชักเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ความถี่อาการชักเท่าเดิมปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการชักเพิ่มมากขึ้นในขณะตั้งครรภ์ คือ การรับประทานยากันชักไม่สม่ำเสมอเนื่องจากความเข้าใจที่ว่า ยากันชักเป็นอันตรายต่อทารก การนอนที่ไม่เพียงพอและการลดลงของระดับยากันชักเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นและขณะตั้งครรภ์

    • เนื่องจากความเสี่ยงจากยากันชักที่มีผลต่อทารกไม่ถึง 10 % และความเสี่ยงที่เกิดจากอาการชักอาจมากกว่าโดยเฉพาะอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว การรับประทานยากันชักที่สม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพที่แข็งแรงของทารกในครรภ์และมารดา

    เมื่อฉันทราบว่าตั้งครรภ์ ควรทำอย่างไร

    • นัดพบอายุรแพทย์และสูติแพทย์ทันที่ที่ตรวจพบว่าตั้งครรภ์ 

    ช่วงหลังคลอด

    • แพทย์ให้ Vitamin K1 มิลลิกรัม เข้าทางกล้ามเนื้อแก่ทารกแรกคลอด

    • มารดาควรพักผ่อนให้เพียงพอ

    • ถ้ามีการปรับขนาดของยากันชักเพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ แพทย์พิจารณาปรับลดขนาดยากันชัก

    การให้นมบุตร

    • เนื่องจากยากันชักที่มารดารับประทานมีหลายชนิดและหลายขนาด ซึ่งยาบางชนิดมีผลต่อทารกได้ ดังนั้นในการให้นมบุตรจำเป็นต้องปรึกษากุมารแพทย์เป็นรายๆ ไป

    คู่มือแนวทางการดูแลรักษานี้ ใช้สำหรับผู้ป่วยโรคลมชักในขณะที่มีการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ การรักษาของผู้ป่วยแต่ละรายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

     

    Tags:

    family

    Please reload

    family

    general

    Please reload

    Tags

    การชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัว (ลมบ้าหมู) Generalized Tonic-Clonic Seizures หรือ GTC

    อาการชักแบบทำอะไรไม่รู้ตัว (Complex Partial Seizures, Psychomotor หรือ Temporal Lobe Seizures หรือ CPS)

    อาการชักแบบเหม่อ (Absence Seizures หรือ Petit Mal)

    แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคลมชักในขณะที่มีการตั้งครรภ์

    โรคลัมชักคืออะไร ?

    Please reload

    Recent Posts

    อะไรทำให้เกิดโรคลมชัก ?

    1/1
    Please reload

    Featured Posts
    Home

    โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 
    1873 ถนนพระราม 4 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 

    โทรศัพท์ : 02-256-4627  โทรสาร : 02-256-4612

    • Facebook Social Icon
    • Twitter Social Icon
    • Google+ Social Icon
    • YouTube Social  Icon